ธรณีประตู ทำไมถึงห้ามเหยียบ?
เนื่องจากในสมัยอดีตการสิ่งปลูกสร้างประตูนั้นจะใช้เป็นบานกรอบ โดยการสร้างธรณีประตูนั้นจึงใช้เดือยที่เป็นบานและครกตรงธรณีประตู เพื่อเป็นจุดหมุน เหมือนกับประตูวัดที่เห็นในปัจจุบัน โดยมีธรณีประตูด้านล่าง และธรณีบนเพื่อกันบานประตูล้ม
อย่างไรก็ตาม ธรณีประตูนั้นก็ถูกผูกติดมากับความเชื่อเช่นกัน เนื่องจากคนไทยสมัยก่อนมีความเชื่อว่า ธรณีประตูนั้นเป็นที่สถิตของ "พระภูมิประตู" พระภูมิมีอยู่ ๙ องค์ เช่น พระภูมิบ้านเรือน พระภูมิประตูและหัวกระได พระภูมินา เป็นต้น ทำให้การเหยียบธรณีประตูจึงเท่ากับเป็นการลบหลู่พระภูมิประตู ขณะที่ในบางท้องถิ่นเชื่อว่าธรณีประตูมี “ผีธรณี” รักษาอยู่ และถูกฝังรากลึกด้านความเชื่อ เช่นเดียวกับคนโรมันก็มีความเชื่อเช่นเดียวกัน โดยเชื่อว่า ประตูนั้นมีเทวดาผู้ชายชื่อ "เยนุส (Janus)" เฝ้าอยู่ (จากข้อมูลอ้างอิงจากหนังสือ 108 ซองคำถาม สำนักพิมพ์สารคดี)
นอกจากนี้ ความเชื่อยังได้ถูกถ่ายทอดในนิยายเรื่อง “สี่แผ่นดิน” ของ มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่กล่าวถึงเรื่องความเชื่อนี้ไว้ในตอนที่แม่พาพลอยเข้าวังเป็นครั้งแรกว่า ที่ประตูวังชั้นในมีหญิงแก่บ้างสาวบ้าง เรียกว่า โขลน ทำหน้าที่เฝ้าประตูวัง ใครที่ก้าวข้ามไม่พ้นเผลอเหยียบธรณีประตูจะต้องถูกตีหรือต้องกราบขอขมาธรณีประตูนั้น ซึ่งมีบทบรรยายว่า
และใกล้ ๆ ขอบประตูนั้นก็มีธูปปักอยู่ที่ริมขอบประตู”
ความเชื่อดังกล่าวจึงเสมือนการตอกย้ำและถ่ายทอดมาถึงสิ่งปลูกสร้างอย่างประตู แต่ด้วยพัฒนาการในปัจจุบันจะสังเกตเห็นว่า ประตูบ้านในปัจจุบันจะไม่มีธรณีประตูตามบ้านสมัยใหม่ เนื่องจากในด้านความปลอดภัยที่คนในบ้าน หรือคนสูงอายุอาจจะสะดุดและทำให้เกิดอันตรายได้
โครงสร้างประตูในปัจจุบันจึงนิยมใช้เป็นบานพับโลหะยึดหูบานประตู แทนธรณีประตูแบบดั้งเดิม โดยมีวงกบล่างแบบฝัง หรือไม่ฝัง หรือ Door Seal เข้ามาแทนที่การใช้งานในที่อยู่อาศัยปัจจุบัน ส่วนธรณีประตูแบบดั้งเดิมนั้น เราจะสามารถเห็นได้ตามวัดต่าง ๆ ซึ่งความเชื่อเริ่มจะเลือนรางหายไปตามกาลเวลา
จากใจ
ZmyHome
ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจให้ด้วยครับ