ซื้อบ้านสิ้นปีดี๊ดี เพราะโครงการเองก็อยากขายมากกกกกก
1. เร่งยอดขายให้ได้ตามเป้า: บริษัททั่วไป โดยเฉพาะบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ จะต้องกำหนดแผน และเป้ารายได้ในแต่ละปี เพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้ทราบถึงทิศทางการเติบโตของบริษัท และการทำยอดขายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ตั้งแต่ต้นปี จะส่งผลต่อความเชื่อมั่น และราคาหุ้นของบริษัทโดยรวม
2. เตรียมเงินสดไว้ใช้สำหรับปีหน้า: บริษัทที่ดี มักจะมีการวางแผนการวางแผนการดำเนินการในแต่ละปี เช่น รายได้จะเติบโตเท่าไหร่ จะขยายตลาดอย่างไร ต้องออกผลิตภัณฑ์ใหม่อะไร และเมื่อวางแผนแล้ว แน่นอนบริษัทก็ต้องเตรียมเงินให้พอดำเนินงานได้ตามแผน เงินที่ว่านี้อาจจะมาจากเงินสดคงเหลือในบริษัท เงินกู้ หรือกำไรในปีที่ผ่านมา การเร่งยอดขายนี้ ก็ช่วยให้บริษัทมีเงินพอสำหรับปีหน้าด้วยนั่นเอง
3. ปิดโครงการ เพื่อไป Focus โปรเจคอื่นปีถัดไป: Developer ขนาดกลาง-ใหญ่ ปกติจะมีการวางแผนการเปิดการขาย หรือการพัฒนาโครงการล่วงหน้าเป็นปี โครงการที่เหลือขายหรือขายไม่หมดตามแผน นอกจากจะมีงบการตลาดเหลือน้อยแล้ว ยังต้องมีเจ้าหน้าที่ดูแลโครงการอีก ซึ่งการที่โครงการเก่าขายไม่หมดตามแผน จะกดดันให้บริษัทยอมลดราคาขาย ดีกว่าต้องจ้างพนักงานเพิ่มปีถัดไป
4. ป้องกันความเสี่ยงในปีถัดไป: ธรรมชาติของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ขึ้นลงเป็น วัฏจักร ปีไหนที่นักพัฒนาเริ่มคาดการว่า ตลาดจะมีการแข่งขันสูงจากบ้านที่เหลือขายแข่งกันมีจำนวนมาก หรือความต้องการของตลาดอาจจะหดตัว จากปัจจัยมหภาค เช่น ดอกเบี้ยปรับตัวขึ้น เศรษฐกิจถดถอย เป็นต้น นักพัฒนาก็จะต้องเตรียมตัวล่วงหน้า เช่น ลดจำนวนสต็อกที่เหลืออยู่ เตรียมเงินสดเก็บไว้ เตรียมควบคุมค่าใช้จ่าย ฯลฯ
รู้อย่างนี้แล้ว คนที่ตั้งใจซื้อบ้านจริงๆ ก็ต่อรองกับโครงการได้เต็มที่ เพราะเจ้าของโครงการทั้งตั้งใจ และทั้งจำเป็นต้องขาย คนที่พร้อมซื้อก็ต่อรองราคากันตามที่พอใจ ตัดสินใจสิ้นปีแบบนี้ ได้ของดีแน่นอนครับ
ผู้เขียน: ณัฐพล อัศว์วิเศษศิวะกุล